ขณะนี้หลายจังหวัดเริ่มมีการปลดล็อคดาวน์ให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติซึ่งยังมีบางกิจการที่ยังถูกระงับการเปิดให้บริการและหนึ่งในนั้นก็คือห้างสรรพสินค้าโดยตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกันว่าจะสามารถให้ 5 สรรพสินค้าต่างๆ

ทั่วประเทศเปิดให้บริการได้เมื่อไหร่โดยนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาได้ออกมาบอกถึงเงื่อนไขว่าหากทางห้างสรรพสินค้าต้องการที่จะเปิดขายสินค้าภายในห้างนั้นจะต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขที่ทางรัฐบาลมีการกำหนดเอาไว้ ซึ่งเบื้องต้นนั้นทางรัฐบาลต้องการที่จะให้ห้างสรรพสินค้าที่ต้องการเปิดขายสินค้าตามปกตินั้นมีการจำกัดจำนวนคนในการเข้าไปใช้บริการภายในห้าง

โดยอยากจะให้ห้างรับคนไม่แออัดมากจนเกินไปนักและคนที่จะเข้าไปเดินซื้อสินค้าภายในห้างจะต้องมีการจำกัดเวลาในการเดินห้างซึ่งแต่ละคนห้ามอยู่ในห้างนานเกิน 2 ชั่วโมงและห้างสรรพสินค้าจะต้องมีการจัดตั้งจุดคัดกรองจุดตรวจวัดไข้รวมถึงจุดตั้งเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ให้กับลูกค้าที่ไปใช้บริการภายในห้าง 

     ขณะนี้เองทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ากำลังมีการประชุมปรึกษาหารือกันว่าจะสามารถให้ธุรกิจอะไรเปิดให้บริการได้บ้างโดยตอนนี้ก็เริ่มมีการติดต่อร้านค้าต่างๆเพื่อให้ทยอยเปิดกิจการกันได้เพื่อที่ทุกคนจะได้มีการเตรียมความพร้อมในการที่ตาอุปกรณ์ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าเอาไว้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ

ซึ่งการเปิดธุรกิจหรือกิจกรรมต่างๆนั้นอาจจะต้องทยอยเปิดไม่สามารถเปิดพร้อมกันทีเดียวได้เพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง 

โดยเจ้าหน้าที่ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ามีการคาดการณ์กันว่ากว่าที่ประเทศไทยจะสามารถเปิดกิจการทุกกิจการและสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้นอาจจะใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจนานถึง 6 ถึง 9 เดือนเลยทีเดียวซึ่งในตอนนี้การกลับเข้ามาใช้ชีวิตการทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมหรือว่าการใช้ชีวิตร้านอาหารเหมือนเดิมนั้น

อาจจะต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบใหม่โดยทุกคนอาจจะต้องมีการดูแลตนเองมากขึ้นด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการกินอาหารภายในร้านก็อาจจะต้องมีการตั้งโต๊ะมีระยะห่างกันซึ่งอาจจะต้องมีการนั่งกินอาหารคนเดียวไปก่อนในช่วงที่ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้อย่างสมบูรณ์เพราะทางเราทำงานเองก็ต้องเล็งเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นหลัก

ในความเป็นจริงในการที่จะควบคุมจำนวนลูกค้าที่จะเข้าไปใช้บริการภายในห้างนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะคนแต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกันบางคนยินยอมที่จะรอคิวเพื่อจะเข้าไปใช้บริการภายในห้างแต่บางคนก็มีนิสัยที่เห็นแก่ตัวอย่างจะไปในห้างทั้งที่อาจจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยห้ามเอาไว้ซึ่งเราเคยเห็นตัวอย่างมาแล้วจากการที่ก่อนหน้านี้

ทางห้างสรรพสินค้ามีการขอตรวจกระเป๋าเพื่อป้องกันการแอบนำระเบิดเข้าไปในห้างซึ่งก็จะเห็นว่ามีหลายคนที่ออกมาโวยวายแล้วไม่ให้ความร่วมมือซึ่งคาดว่าการจำกัดจำนวนคนเข้าไปในห้างในครั้งนี้ทางห้างสรรพสินค้าก็อาจจะต้องเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8th