เศรษฐกิจปี 21 จะไปรอดหรือไม่

เชื่อว่าในปีหน้านี้จะมีการฟื้นตัวที่ดีเป็นบางกลุ่ม แต่คาดว่าอีกหลายกลุ่มคนก็คงแย่ลงเช่นกัน เพราะว่าการท่องเที่ยวจากต่างประเทศในปีๆหนึ่งเนี่ยเรามีคนเข้ามาเที่ยวประเทศไทยประมาณ 40 ล้านคนต่อปี ดังนั้นเราก็มีการกระตุ้นให้ไทยช่วยเที่ยวไทย

แต่ว่ามันก็ทดแทนกันไม่ได้เพราะว่าฝรั่งมาเที่ยวหนึ่งคนหากเปรียบกับคนไทยเที่ยวหนึ่งคนมันไม่สามารถที่จะใช้เงินได้เท่ากัน และคนไทยก็อยู่ไดสั้นกว่าด้วยเพราะส่วนใหญ่คนไทยมาเที่ยวก็อยู่ได้แค่ 3-5 วัน แต่ว่าฝรั่งมาทีเขาอยู่ไกลเวลามาทีก็อยู่นานกว่าและก็ทำให้เขาใช้เงินเยอะกว่าด้วย

และท่องเที่ยวก็มีผลต่อห่งโซ่ของเขาอีกมากมาย เช่นพอโรงแรมไม่ได้เปิดคนไม่เข้ามาพักคนก็ไม่ค่อยกินข้าวไม่ค่อยสั่งอาหาร ทำให้มันมีผลกระทบต่อภาคเกษตรด้วย และยังมีผลกระทบต่อเอสเอ็มอีด้วย 

การเมืองที่ไม่นิ่ง สิ่งเหล่านี้มันทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย บางคนเห็นข่าวก็ไม่กล้ามาท่องเที่ยว ซึ่งนักลงทุนก็ไม่ค่อยที่จะอยากลงทุนกับเราอยู่แล้ว อย่างที่ทราบกันดีว่าเราเป็นสังคมสูงวัยค่าแรงเราก็สามร้อยหากเทียบกับเพื่อบ้านแรงจูงใจทุกอย่างทำให้เราสู้คนอื่นเขาไม่ค่อยได้

SMEมีปัญหา โดยในไทยนั้นมีประมาณ3ล้านราย แต่เอสเอ็มอีคือมีกลุ่มคนที่จ้างงานมากที่สุดในประเทศไทย แรงงานทั้งหมดจากร้อยเปอร์เซนต์มาจากเอสอ็มอีถึง 80 เปอร์เซนต์นะ ซึ่งในปีนี้คุณจะเห็นข่าวกันมาแล้วว่าเอสอ็มอีปิดให้บริการค่อนข้างเยอะ พอเอสอ็มอีปิดแบบนี้สิ่งที่จะตามมาก็คือลูกจ้างไม่มีงานทำ 

คนไม่มีเงิน หลายคนรายได้ลดจากยอดขายของธุรกิจ บางคนถูกลดเงินเดือน บางคนถุกไล่ออก พอรายได้มันน้อยลงในการจับจ่ายใช้สอยแน่นอนว่ามันก็น้อยลงไปด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆที่เปิดอยู่ปัจจุบันทั้งเอสอ็มอีและธุรกิจขนาดใหญ่ทุกคนจะมีรายได้น้อยลงไปหมดเลยทำให้คนไม่ค่อยจะมั่นใจที่จะลงทุนด้วย

คือคนมักจะกอดเงินสด โดดยในปีที่ผ่านมาจะสังเกตุเห็นว่าอัตตราการฝากเงินสูงขึ้นเช่นคนอาจจะขายหุ้นหรือขายทรัพย์สินอะไรบางอย่างแล้วก็ใส่เงินสด โดยทำการเก็บเอาไวในธนาคารเพราะรู้สึกว่ามีเงินสดไว้สำคัญที่สุด ยกเว้นกลุ่มคนนั่นก็คือคนรวยที่มีการช้อปปิ้งอย่างปกตินั่นเอง โดยพวดเขามักจะไม่รู้สึกกับการใช้เงินหรือมีผลกระทบกับการเงินของพวกเขาเท่าไหร่

 

สนับสนุนโดย.  u12