กระแสความงาม กับธุรกิจ กระแสความสวยแบบวีแกน (Vegan) ยิ่งเพิ่มความฮอตฮิตชมชอบโดยตลอด ด้วยสาเหตุหลายชนิดประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นการใส่ใจทราบเกี่ยวกับสินค้าความสวยงามที่ไม่มีการทดสอบกับสัตว์ในระหว่างกรรมวิธีการผลิต, ความรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติแล้วก็ไม่มีอันตรายกว่าเมื่อได้ใช้สินค้าความสวยสดงดงามที่มาจากพืช
เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่ใช้สารเคมีหรือการกระทำทารุณสัตว์, การมีส่วนร่วมต่อสังคมในฐานะคนซื้อสมัยใหม่ ซึ่งมักเลือกซื้อสินค้ามีความเจาะจงเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เป็นต้นว่า
มีการเจาะจงการบันทึกวัตถุดิบที่ใช้ ที่มาที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งเลือกใช้สินค้าที่รับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดปี 2561
ที่บอกว่า วีแกนเป็นสาระสำคัญสำหรับการลดปัญหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุด โดยสามารถลดการปลดปล่อยก๊าสสภาวะเรือนกระจกได้มากกว่าการหันมาใช้รถยนต์กระแสไฟฟ้าหรือลดการใช้งานเครื่องบิน นอกเหนือจากนั้นยังช่วยลดการใช้พื่นที่ในการทำปศุสัตว์รวมทั้งการใช้น้ำอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คแล้วก็บิวตี้บล็อกเกอร์จำนวนไม่น้อยขึ้นเรื่อย ๆ ที่หันมาเกื้อหนุนการแต่งหน้าทาปากโดยใช้สินค้าความสวยวีแกน ทั้งปวงล้วนแต่เป็นแถวโน้มสำคัญที่จะสนับสนุนให้มีการหันมาใช้สินค้าความงดงามแบบมังสวิรัติเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ครอบครองสินค้าหลาย ๆ
แบรนด์ก็เลยอุตสาหะปรับปรุงสินค้าให้ตอบปัญหาลูกค้ากรุ๊ปวีแกนหรือผู้ซื้อที่พิจารณาถึงสภาพแวดล้อมเยอะขึ้นอย่างชัดเจน เพราะเหตุว่าเดากันว่าในอีกไม่กี่ปีด้านหน้ามีความน่าจะเป็นสูงทีเดียวที่สินค้าเสริมความสวยงามชนิดวีแกนจะสร้างช่องทางอีกเพียบเลยสำหรับในการขยายตัวเติบโตของตลาด
ตลาดเครื่องแต่งตัววีแกนโตไวขยายเร็ว
การเปิดตัวเครื่องแต่งตัววีแกนทั้งโลกมากขึ้นกว่าสองเท่าในตอน 5 ปีที่ล่วงเลยไปตามฐานข้อมูลสินค้าใหม่ทั้งโลก (GNPD) ของบริษัทการตลาดระดับนานาชาติอย่างมินเทล โดยลงรายละเอียดว่า การเปิดตัวเครื่องแต่งหน้าที่ไม่ผ่านการทดสอบในสัตว์รวมทั้งเป็นมังสวิรัติ ไม่มีส่วนประกอบจากสัตว์ เป็นต้นว่า คาร์ไมน์ ไขผึ้ง ครั่ง น้ำผึ้ง แล้วก็ลาโนลิน
มีปริมาณมากขึ้นร้อยเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ เมื่อกลางปี 2556 ถึงกลางปี 2561 โดย หน้ากากแอร์ ตลาดสินค้าความสวยงามวีแกนทั่วทั้งโลกนั้นมีมูลค่ามากถึง 14.3 พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ในปี 2562 และก็คาดคะเนว่าน่าจะมีมูลค่า 25.3 พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ข้างในปี 2562 แล้วก็คาดว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตโดยเฉลี่ย (CAGR) อยู่ที่ 5.9%
นอกนั้น ผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยยังทำให้เห็นว่า โดยหลักแล้วกรุ๊ปลูกค้าอายุน้อย รวมทั้งเหล่ามิลเลนเนียลแล้วก็เจนซี จะเป็นคนขับเขยื้อนเทรนด์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนี้ ลูกค้าพวกนี้มีทิศทางที่จะทดลองรับประทานมังสวิรัติ และก็ยังมีลักษณะทิศทางที่จะค้นหาแบรนด์ที่ใช้ส่วนประกอบจากธรรมชาติรวมทั้งตั้งมั่นในคุณประโยชน์ทางศีลธรรม